เรื่องเล่าพื้นบ้าน “กบกินเดือน” เป็นหนึ่งในตำนานที่มีความเชื่อแพร่หลายในหลายประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะในประเทศไทย ลาว กัมพูชา และพม่า ตำนานนี้เกี่ยวข้องกับปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่เรียกว่า “จันทรุปราคา” หรือที่คนทั่วไปมักเรียกว่า “จันทร์ดับ” ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อดวงจันทร์ถูกโลกบังแสงจากดวงอาทิตย์ ทำให้เห็นดวงจันทร์หายไปบางส่วนหรือทั้งหมดบนท้องฟ้า ในตำนานพื้นบ้านเชื่อว่ามี “กบ” หรือในบางตำแหน่งจะเป็น “คางคก” ที่มีความชั่วร้ายพยายามกินดวงจันทร์ โดยคนในอดีตเชื่อว่าปรากฏการณ์จันทรุปราคาเป็นผลจากสัตว์ยักษ์เช่นกบหรือมังกรที่กลืนดวงจันทร์เข้าไปในปาก ซึ่งจะทำให้ท้องฟ้ามืดมิดและโลกอาจประสบปัญหาหากดวงจันทร์ถูกกลืนไปทั้งหมด เพื่อป้องกันไม่ให้ดวงจันทร์หายไปและฟื้นฟูแสงจันทร์กลับคืนมา ผู้คนในอดีตมีพิธีกรรมที่เชื่อว่าจะช่วยขับไล่สัตว์ยักษ์ออกไป โดยการตีฆ้อง ตีกลอง และทำเสียงดัง เพื่อขับไล่กบที่กำลังกลืนดวงจันทร์ให้ออกไป บางพื้นที่มีความเชื่อว่าแสงไฟจากคบเพลิงหรือการจุดประทัดจะช่วยเพิ่มพลังให้ดวงจันทร์กลับคืนสู่สภาพปกติ ในทางโหราศาสตร์ไทย “กบกินเดือน” ถูกมองว่าเป็นเหตุการณ์ที่มีนัยสำคัญทางศาสนาและจิตวิญญาณ ซึ่งอาจเป็นสัญญาณแห่งการเปลี่ยนแปลงหรือความไม่ปกติของจักรวาล ตำนานนี้เชื่อมโยงกับความหวาดกลัวและความเคารพต่อธรรมชาติ เพราะในอดีต ผู้คนมักไม่สามารถเข้าใจปรากฏการณ์ธรรมชาติเหล่านี้ได้ด้วยวิทยาศาสตร์ จึงต้องพึ่งพาความเชื่อและตำนานในการอธิบาย นอกจากนั้น เรื่องเล่าของกบกินเดือนยังสอดคล้องกับความเชื่อทางพระพุทธศาสนาในบางประเทศ เช่น ในประเทศไทยบางพื้นที่เชื่อว่าจันทรุปราคาเกิดขึ้นเนื่องจากการกระทำที่ไม่เป็นมงคลของมนุษย์ และเป็นสัญญาณเตือนให้ประชาชนควรปรับปรุงตนเองและทำบุญเพื่อสะเดาะเคราะห์ บางท้องถิ่นจะมีการจัดพิธีบูชาและขอขมาต่อดวงจันทร์เพื่อเสริมสร้างโชคดีและความเป็นมงคลกลับมา อย่างไรก็ตาม แม้ว่าในปัจจุบันวิทยาศาสตร์จะสามารถอธิบายปรากฏการณ์จันทรุปราคาได้อย่างชัดเจนแล้ว แต่ตำนานกบกินเดือนยังคงเป็นหนึ่งในเรื่องเล่าที่มีความน่าสนใจและเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมพื้นบ้านที่สะท้อนถึงวิถีชีวิตและความเชื่อของคนไทยในอดีต ในปัจจุบันที่ความรู้ทางวิทยาศาสตร์และดาราศาสตร์เจริญก้าวหน้ามากขึ้น ผู้คนก็เริ่มเข้าใจว่าจันทรุปราคาเป็นเพียงปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่เกิดขึ้นเมื่อโลก ดวงจันทร์ และดวงอาทิตย์อยู่ในแนวเดียวกัน แต่ตำนาน…